วิธีการเก็บเงิน ให้สำเร็จตามเป้าหมาย
หลายๆคนอาจจะเริ่มเก็บเงินมานาน มีความฝันอันยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเพื่อซื้อของที่อยากได้ เก็บเงินท่องเที่ยว หรืออยากสร้างเนื้อสร้างตัวมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะว่าเราไม่สามารถทำตามความฝันด้วยความว่างเปล่าได้ การที่มีทุนซักก้อนจะช่วยต่อยอดทำตามความฝันได้ง่ายขึ้น เพราะเป็นขั้นแรกของการเริ่มลงทุน หรือเริ่มทำธุรกิจ แต่ปัญหาหลักของการเก็บเงินเลยก็คือ เก็บเท่าไหร่ก็ไม่เพิ่ม เก็บเท่าไหร่ก็ไม่ได้งอกเลย แล้วจะทำอย่างไรให้เงินที่เก็บมางอกเงย และเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นจนสามารถบรรลุเป้าหมาย วันนี้ Capital Bear เทรดง่าย ถอนไว ทำกำไรได้จริง จะพามาหาคำตอบ พร้อม วิธีการเก็บเงิน ที่จะช่วยเก็บเงิน ได้บรรลุเป้าหมายได้มากขึ้น แม้รายได้เท่าเดิม
Acknowledge yourself : รู้จักตนเอง
สิ่งที่เริ่มต้นยากที่สุดก็คือการทำความรู้จักกับตนเอง Capital Bear มีเครื่องมือที่ช่วยในการรู้จักตนเอง โดยค้นหาคำตอบจากเรื่องของตัวเอง
- เรามีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่?
- เรามีรายจ่ายต่อเดือนเท่าไหร่?
- เรามีหนี้ทั้งหมดเท่าไหร่?
การรู้จักสถานะการเงินของตัวเอง ทำให้เรารู้ว่าตอนนี้เรามีรายได้หรือรายจ่ายต่อเดือนมากกว่ากัน แล้วรายจ่ายทั้งหมดเราจ่ายไปกับอะไรบ้าง วิธีการรู้ก็คือการทำ”บัญชี” ทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างง่ายจะช่วยให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น บางทีเราอาจจะเห็นรายจ่ายที่คาดไม่ถึง เช่น ค่ากาแฟวันละ 60 วัน รวมๆต่อเดือนมากถึง 1,500 บาทเลยทีเดียว เมื่อเรารู้แล้วว่าเรามีรายรับ-รายจ่ายต่อเดือนเท่าไหร่ เราก็จะรู้ว่าแต่ละเดือนมีเงินเหลือเก็บเท่าไหร่ และสามารถตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น หรือฟุ่มเฟือยออกไปได้หรือไม่ โดยรายจ่ายฟุ่มเฟือยที่ถูกตัดออกไปจะกลายเป็นเงินออมของเราไว้เพื่อสร้างอนาคต
Self-Sufficiency : พอเพียง
ความพอเพียงจะช่วยลดรายจ่ายให้เราได้มาก ความพอเพียงไม่ใช่การอดหรือการงด แต่เป็นการจำกัดหรือลดสิ่งที่เกินความจำเป็นลงไป เช่น ปกติเราจะทานบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น เดือนละ 2 ครั้ง ครั้งละ 800 บาท รวมเป็นเงิน 1,600 บาท หากเราลดเหลือเดือนละครั้ง หรือ 2 เดือนครั้ง จะประหยัดได้ถึง 1,200 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ความพอเพียงยังจะช่วยให้เราไม่ก่อหนี้เกินตัวที่เกิดจากการใช้จ่ายเกินตัวอีกด้วย เช่น เครื่องประดับ เสื้อผ้า น้ำหอม รถยนต์ที่ราคาแพงเกินฐานะ ไรเตอร์ขอบอกเลยว่าการวิ่งหาเงินมาให้หนี้ในแต่ละเดือนๆ ไม่ใช่เรื่องตลก มันเหนื่อยมากๆ ซึ่งการมีหนี้จำนวนมากกว่าฐานรายได้ มันจะคอยกัดกินจิตใจของเรา คอยแต่จะสร้างความเครียด และความเหนื่อยล้าให้มากขึ้น ดังนั้นการปลดหนี้จึงเป็นขั้นตอนอันดับต้นๆที่เราควรจะจัดการ หากเรามีเป้าหมายการออมเงินเพื่อเป้าหมาย เพราะหนี้ที่ลดจะช่วยทำให้มีเงินออมมากขึ้น แต่หากเราเลี่ยงไม่ได้ Capital Bear วิธีการคำนวนขั้นต้นให้
- หนี้สินต่อสินทรัพย์ ไม่ควรเกิน 50% นั่นหมายความว่าเราควรต้องมีสินทรัพย์ (มูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของเรา เช่น บ้าน รถ ที่ดิน ฯลฯ) มากกว่าจำนวนหนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่อย่างน้อย 50% แต่หากคุณมีหนี้สินมากกว่าสินทรัพย์แล้วล่ะก็… บอกได้เลยว่าหายนะกำลังมาเยือน อย่างแย่ที่สุดคือล้มละลาย
- ภาระหนี้สินต่อเดือน รวมทั้งหมดไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ หลักการนี้มาจากเกณฑ์เครดิตของทุกธนาคาร ที่ภาระหนี้สินไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ เช่น เงินเดือน 60,000 ค่าผ่อนบ้าน 20,000 ผ่อนรถ 8,000 จ่ายบัตรเครดิต 2,000 รวมมีภาระหนี้สินทั้งสิ้น 30,000 ซึ่งนับเป็น 50% ของรายได้แล้ว ในมุมมองธนาคาร คุณเริ่มกลายเป็นคนที่เครดิตไม่ดี มีแนวโน้มจะผิดชำระได้ง่าย
- ห้ามจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ การจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะการทางเงิน เพราะอะไรถึงห้ามจ่ายขั้นต่ำล่ะ? เพราะนอกจากเสียดอกเบี้ยที่แพงมาก (25% ต่อปี) ยังตัดเงินต้นน้อยมาก ตัวอย่างเช่น รูดบัตร 20,000 บาท จ่ายขั้นต่ำ 10% ในเดือนแรก คุณจะโดนดอกเบี้ย 420 และหักต้น 1,580 บาท หากคุณไม่รูดเพิ่ม คุณจะจ่ายมันหมดในเวลาประมาณ 2 ปี!! แต่ถ้าหากจ่ายไปรูดไปล่ะก็… 10 ปีก็ไม่มีหมด!
Breathing Room เงินสำรอง
เงินสำรอง คือตัวช่วยทำให้เราหายใจได้โล่งท้อง ในตอนที่เผชิญปัญหาที่ไม่ได้คาดคิด ไม่ว่าจะรถเสีย ล้มป่วย ตกงาน หรือปัญหาอื่นๆที่ต้องใช้เงินแก้ปัญหา คุณจำบทเรียนจากสถานการณ์ Covid-19 ได้ไหม? มันเป็นบทเรียนที่ดีแก่ทุกๆคน ทุกๆอาชีพ เนื่องจากสถานการ์ดังกล่าวทำให้ มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายขาดรายได้ แต่รายจ่ายยังคงเกิดอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่า ค่ากิน ค่าใช้ ค่าน้ำ ค่าไฟ การที่ไม่มีเงินสำรองจึงทำให้เกิดวิกฤตทันที แล้วเราควรมีเงินสำรองเท่าไหร่จึงจะเรียกว่ามั่นคงล่ะ? ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แนะนำให้คนทั่วไปมีเงินสำรองไว้เท่ากับ รายจ่าย x 6 เดือน นั่นหมายความว่า หากเราขาดรายได้ในวันนี้ ตอนนี้ ทันที เราจะสามารถอยู่รอดไปได้อีก 6 เดือนสบายๆ โดยไม่ลำบาก ซึ่งระยะเวลา 6 เดือนนั้นพอเพียงที่จะหางานใหม่ได้ (หากไม่ได้เลือกงานมากนัก) อีกทั้งเงินสำรอง 6 เดือนจะช่วยในเหตุสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ เช่น รถเสีย ล้มป่วย ได้ด้วย แต่อย่าลืม ทุกครั้งที่ใช้เงินนี้คุณจะต้องเก็บเงินไว้ให้เท่าดังเดิม ไม่อย่างนั้นเงินสำรองของคุณจะลดลงเรื่อยๆจนหมดไป ดังนั้นแล้วก่อนเริ่มจะเก็บเงิน คุณจึงควรมีเงินสำรองให้พอกับรายจ่าย 6 เดือนเสียก่อน จึงค่อยเริ่มเก็บเงิน
Goal กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน
คุณเก็บเงินไว้เพื่ออะไร? หลายคนเก็บเงินไว้มานานมาก แต่ไม่รู้ทำไมถึงเก็บเงินไม่เพิ่มซักที ดังนั้นก่อนที่เราจะเริ่มเก็บเงินจึงควรกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน รวมทั้งจำนวนเงินที่ต้องการ โดยจำนวนเงินที่ต้องใช้ ส่วนใหญ่อยู่ที่ความพอใจของตัวเอง ตัวอย่างเช่น บางคนต้องการเก็บเงินซื้อไอโฟนรุ่นล่าสุด 60,000 บาท บางคนอยากเก็บเงินไว้เพื่อลงทุน 1 ล้านบาท แต่สำหรับบางคน 10 ล้านบาทก็ยังไม่พอ หากต้องการจะเปิดบริษัททำธุรกิจเป็นของตัวเอง การกำหนดเป้าหมายในการเก็บเงินหลักๆ จะมี 2 เป้าหมายที่จะต้องทำความชัดเจนดังนี้
- อยากเก็บเงินเพื่ออะไร?
ก่อนเริ่มเก็บเงินคุณรจะต้องตั้งเป้าหมายไว้ก่อน เพื่ออะไร เพื่อซื้อของ เพื่อท่องเที่ยว เพื่อเกษียณ เมื่อมีเป้าหมายแล้วจึงจะไปยังขั้นตอนต่อไป - ต้องเก็บเงินให้ได้เท่าไหร่?
คุณจะต้องมีเงินเท่าไหร่เพื่อให้ได้เป้าหมายนั้น? คุณจะซื้อไอโฟนเครื่องละเท่าไหร่ ไปเที่ยวต่างประเทศต้องใช้เงินเท่าไหร่ 1 แสน 1 ล้าน 10 ล้านว่ากันไป ซึ่งคุณจะต้องกำหนดจำนวนเงินเป้าหมายให้ชัดเจน
Plan : วางแผนการเก็บเงิน จากการออมและการลงทุน
การกำหนดเป้าหมายที่แน่วแน่เป็นเรื่องที่ดี แต่มันก็ต้องสัมพันธ์กับจำนวนรายได้ที่คุณจะเก็บได้แต่ละเดือนด้วย อย่าลืมว่าคุณจะต้องรู้ด้วยว่า รายได้-รายจ่ายแต่ละเดือนเท่าไหร่? คุณมีเงินเหลือจากการค่าใช้จ่ายรายเดือนพอที่จะออมได้แค่ไหน? และเริ่มวางแผนการออมว่า คุณจะเก็บเงินเดือนละเท่าไหร่ และหลังจากที่กำหนดเงินเก็บที่เก็บได้ในแต่ละเดือน คุณก็ต้องมาคำนวนต่อคือ คุณจะใช้เวลาในการเก็บเงินจนถึงเป้าหมายนานเท่าไหร่ เช่น เป้าหมายคุณคือ เก็บเงินเพื่อท่องเที่ยว 1 ล้านบาท คุณจะเก็บเงินที่เดือนละ 3,400 บาท แน่นอนว่าเป้าหมายคุณจะสำเร็จใน 20 เดือน หรือ 1 ปี 8 เดือน
สำหรับการลงทุน ควรวางแผนการลงทุนอย่างรัดกุม เลือกลงทุนในความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เช่น อยากมีเงินเก็บที่ 1 ล้านบาทก่อนอายุ 50 ปี โดยตอนนี้อายุของเราคือ 25 ปี ซึ่งมีเวลา 25 ปีในการเก็บเงิน ดังนั้นหากเก็บเงินด้วยวิธีปกติ คุณจะต้องเก็บปีละ 4 หมื่นบาท หรือเดือนละ 3,400 บาท โดยประมาณ แต่ถ้าหากนำเงิน 40,000 บาท มาลงทุนให้ได้ผลกำไรปีละ 5% และทบขึ้นทุกปีๆ เหมือนฝากเงิน ด้วยพลังแห่งดอกเบี้ยทบต้นทบดอก คุณจะได้สัมผัสเงินล้านประมาณปีที่ 16 และเมื่อครบ 25 ปี คุณจะมีเงิน 2 ล้านบาท! สมัครใช้บริการ capitalbear ได้ที่นี่
Action : การลงมือทำด้วย วิธีการเก็บเงิน ที่ศึกษามา
หลังจากที่ กำหนดเป้าหมาย กำหนดวิธีการ วางแผนเรียบร้อย ที่เหลือก็คือการลงมือทำ ซึ่งคุณรู้ไหม? คนส่วนใหญ่จะล้มเหลวในข้อสุดท้าย แม้ว่าจะกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน วางแผนการออมที่มุ่งมั่น แต่ก็ยังพ่ายแพ้ต่อสิ่งยั่วยวนใจ ทำให้ไม่สามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ การเริ่มลงมือคือส่วนที่สำคัญที่สุด แต่การทำอย่างสม่ำเสมอก็สำคัญไม่แพ้กัน การเริ่มลงมือทำทันที สม่ำเสมอ เป็นระบบ และอย่าลืมให้รางวัลตัวเองระหว่างทาง จะช่วยให้ไปถึงเป้าหมายอย่างมั่งคง
เห็นไหม วิธีการเก็บเงิน ไม่ยากเลย สำหรับใครที่อยากจะเริ่มลงทุน แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง พี่หมี Capital Bear แนะนำให้เริ่มค่อยๆเรียนรู้ และลองฝึกการลงทุน โดยเว็บพี่หมี Capital Bear มีบัญชีการทดลองเทรด มูลค่า 10,000 $ ให้ใช้ฟรีๆเพียงมาลองสมัครบัญชีตอนนี้ฟรี! พร้อมรับโบนัท 200% capitalbear.online
วิธีใช้งาน Capital Bear “เทรดง่าย ถอนไว ทำกำไรได้จริง”
วิธีฝากเงิน Capital Bear และเปิดใช้งานบัญชีทดลองมูลค่า 10,000$ พร้อมแนะนำวิธี รับโบนัส 200%
———————————————————————————————————————–
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
เนื้อหานี้แนะนำการใช้งาน แฟลตฟอร์ม และเว็บไซต์เท่านั้น มิใช่แนะนำการลงทุน
———————————————————————————————————————–
ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
- อีเมล์ support@Capital Bear.com
- Line: @capitalbearthai หรือที่ https://lin.ee/EN9olna
#เทรดง่ายถอนไวทำกำไรได้จริง
#CapitalBear #CapitalBearThailand #วิธีการเก็บเงิน #เก็บเงินให้ได้ผล
#BinaryOption #IQOption
#trader #trading #tradinginfo #tradingnews #BinaryOptions #TradeOption